เที่ยว Jaipur กินอย่างราชา อยู่อย่างมหาราณีด้วยเงิน 25,000 บาท

เพื่อนๆชาว Forever On Vacation คะแพทมีทริปท่องเที่ยวในงบที่ไม่จำเป็นต้องถูกหวย แต่รวยตั้งแต่เท้าแตะสนามบิน นั่นก็คือ 3 วัน 3 คืน กินหรูอยู่อย่างราชาที่เมือง Jaipur ประเทศอินเดีย ในงบ 25,000 บาทต่อคน

แพทนี่มีวิญญานความเป็นไฮโซ แต่ชีวิตจริงค่อนข้าง Low income ค่ะ รีบบอกก่อนเพราะจั่วหัวมาขนาดนี้เดี๋ยวจะหาว่าแพทมาชวนขายตรง แพทเคยมาอินเดียแล้วครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่ใครใครก็กลัวอินเดียกัน แต่แพทกลับประทับใจมากๆโดยเฉพาะเมือง ชัยปุระ ออกเสียงแบบอินเดียเรียกว่า จัยปูร์ร์ เมืองก็ส๊วยสวย แถมค่าครองชีพยังถูกอีก ขนาดตอนนั้นเป็นนักศึกษา ยังสามารถเที่ยวอย่างหรูได้เลย

เอาล่ะ 25,000 ราคานี้รวมอะไรบ้าง?

– นอนโรงแรมระดับ 5 ดาว 2 คืน และนอนในพระราชวังสุดหรู อีก 1 คืน
– รถพร้อมคนขับส่วนตัว 4 วัน มารับตั้งแต่ออกจากสนามบิน พาเที่ยว จนส่งกลับ รวมน้ำมัน และค่าจอดแล้ว
– ไกด์นำเที่ยวสองพระราชวัง
– อาหารเช้าในโรงแรม 1 มื้อ
– อาหารเช้าในคาเฟ่เกร๋ๆ 2 มื้อ
– อาหารระดับ fine dining ในโรงแรม 4 มื้อ
– Afternoon Tea ในวัง 1 มื้อ
– ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆตลอดทริป
– ค่าทิปต่างๆ

ราคานี้ไม่รวมอะไรบ้าง
– ค่าช็อปปิ้งถ้วยชามและส่าหรี
– ค่าวีซ่าอินเดีย ถ้ามีเหลืออยู่แล้วก็ไม่ต้องเสีย
– ค่าตั๋วเครื่องบิน ราคาสุดแล้วแต่วาสนาจะหาตั๋วโปรได้ ในกรณีจะมาเมือง Jaipur แบบแพท สายการบินแอร์เอเชียมีบินตรงมาในราคาน่ารักมากๆ ไม่กี่พันเอง

การเดินทางมาอินเดียนั้นต้องทำวีซ่าก่อนก็จริง แต่การทำวีซ่าอินเดียนั้นง่ายดายมาก ใบรับรองการทำงานไม่ต้องมี statement ไม่ต้องเอามา ไม่มีคนไทยไปแล้วหนีไปทำงานทีนั่นไม่ยอมกลับแน่นอน แต่ค่าวีซ่านั้นแพงกว่าเชงเก้นซะอีก ให้ตายเถอะ สี่พันกว่าบาท ไปทำที่ ตึกพีเอสอโศก เดี๋ยวนี้เค้าบังคับให้ทำรายปีแบบ multiple แต่หนูไม่ได้จะไปหาสามีที่นั่นนะคะไปทำไมบ่อยๆ เลยมีอีก option หนึ่ง คือ apply online แพทเลือกวิธีนี้ เสียเงินสองพันกว่า เข้าได้สองครั้งภายใน 90 วัน คนแนะนำวิธีนี้ไม่ใช่ใคร คือร้านถ่ายรูปด้านล่างตึกที่ทำวีซ่านั่นแหละ รับกรอกเอกสารทุกอย่าง ทำให้เสร็จสรรพ สองวันอีเมลล์มา ปริ๊นถือเข้าประเทศเขาได้เล

โรงแรมแรกที่แพทเข้าพักชื่อ The Lalit ระดับ 5 ดาวที่แพทจองมาในราคา 2,500 บาทถ้วน ส่วนห้องที่นี่ก็โรงแรมห้าดาวปกติ ถึงจะไม่ใหม่มาก แต่ bed quality ก็ดี ของใช้ในห้องก็ครบครันได้มาตราฐานอยู่นะคะ แพทนอนที่นี่ 2 คืนค่ะ คืนแรกเรามาถึงก็หิวโซ สั่ง room service มากินกันอิ่มแบบเหลือๆ เสียเงินไปพันกว่าบาทค่ะ

จุดเช็คอินแรกคือ Jawahar Circle ตรงนี้เป็นอะไรที่น่าร๊ากกก เป็นประตู rainbow และปราศจากนักท่องเที่ยว แต่ไม่ควรพลาดด้วยประการใดใดก็ตาม ประหนึ่งอยู่ในประตูสู่โลกยูนิคอร์น จากแอร์พอร์ตไม่ไกลเลยค่ะ สามารถมาเก็บที่นี่เป็นที่แรกหรือที่สุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องก็ได้

เช้าวันแรกเราตั้งใจเก็บท้องไว้ทานอาหารเช้าสวยๆกันที่คาเฟ่วิว Hawa Mahal เพราะทำการบ้านมาว่าตรงนั้นมีคาเฟ่วิวดีชื่อ tattoo cafe สามารถถ่ายภาพ Hawa Mahal จากมุมสูงได้ ไปถึงจริงหน้าตาคาเฟ่ต่างกับที่เราจินตนาการพอสมควรค่ะนึกว่าอยู่ในไซท์ก่อสร้าง ฮือออ แต่ใจยังร่มๆอยู่ เดินขึ้นไปจนถึงชั้นสี่ เอ้อออ ใจชื้นหน่อย วิวสวยจริงๆ วันนี้ยอดไลค์ไอจีจะต้องถล่มเซอร์เวอร์ล่มแน่นอน และแล้วอาหารที่เราสั่งก็มาเสิร์ฟค่ะ แพทจิบกาแฟอย่างแรก โอ้โหนายจ๋า หมาไม่__เลยจ้านายย สิ่งนี้ไม่น่าเรียกว่ากาแฟ เป็นน้ำขุ่นๆ จางๆ ส่วนแซนด์วิชชีสก็เป็นชีสที่หวานจริงๆ มักกะโรนีแอนด์ชีสที่เหมือนเส้นราดนม สิ่งที่กินได้อย่างเดียวคือ coke zero ทำไมฉันต้องมากินอะไรแบบนี้ตอนเช้าๆเนี๊ยยยย

ถึงอย่างนั้นก็ยังแนะนำว่าต้องมานะคะ มาถ่ายรูปสั่ง coke กิน ไม่ควรฝากท้องค่ะ

City Palace จากมุมสูง เห็นภูเขาลิบๆ

ห้องต่างๆในวังตกแต่งสวยงาม
ห้องสีฟ้านี้ ถ้าไม่ซื้อทัวร์จะไม่สามารถเข้ามาดูได้ค่ะ
ประตูนี้ถือเป็น signature ของที่นี่เลย ไม่ถ่ายไม่ได้นะ

จากนั้นเราไปต่อกันที่ City Palace ค่ะ สำหรับที่นี่แนะนำให้จ่ายเงินค่าทัวร์คนละ 2,500 รูปี จะได้เข้าชมในส่วนที่นักท่องเที่ยวคนอื่นไม่ได้เข้าไปรวมถึงห้องสีฟ้าแสนสวย ราคานี้จะมีไกด์ ขนมและชารวมอยู่ด้วย แพงหน่อยแต่ดูแลดีเพราะบริหารโดย Royal Family ค่ะ ไกด์น่ารักมากๆ เราไปกันสองคนก็คอยถ่ายภาพคู่ให้เรา และยังแนะนำมุมสวยๆให้ถ่ายภาพอีกเพียบเลย ไกด์คอยเล่านั่นเล่านี่ให้ฟังทำให้เราสนุกไปกับสถานที่นั้นๆด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่วายพาไปชอปปิ้งร้านผ้า แกคิดจะเอาค่าคอมมิชชั่นล่ะสิ ไม่ได้กินฉันหรอก แต่บอกเลยว่า ใครจิตอ่อนอย่าเดินเข้าไปแต่แรก ขนาดแพทนี่จิตแข็งยังโดนผ้าพันคอไปผืนนึง ไปซื้อด้านนอกราคาถูกกว่ามากจริงๆนะ

นอกจากโรงแรมที่แพทพักแล้วอีกที่นึงที่แนะนำเลย แพทหลงเลยเข้าไป survey มาให้เรียบร้อย ชื่อ Samode Haveli เป็น Boutique hotel เล็กๆน่ารัก ตกแต่งน่ารักมากก สวนสวยเหมือนสวนลับ eden บรรยากาศมันเลอเลิศมาก ค่าห้องก็ถูกกว่าวังที่แพทพักกว่าครึ่งเลย

หลังจากนั้นมาต่อกันที่ร้าน Caffe Palladio ค่ะ ร้านนี้นี่คนไทยต้องมาเลยนะ เป็นจุดเช็คอินที่สำคัญมาก เพราะร้านคือน่ารักมากกกเว่อออ อาหารก็อร่อยดีงามกินง่าย มีคาวหวานครบ แต่เสียอย่างเดียวค่ะ อีร้านมันไม่ให้ถ่ายรูป แล้วแกจะทำร้านมาน่ารักขนาดนี้ทำไม บ้าาา แต่แต่แต่ ทำหน้าน่าสงสารไว้ค่ะ พอตอนไหนไม่มีลูกค้า ส่งสายตาหวานๆไปหาพนักงานนะคะ ขอถ่ายซักรูปนะ พลีสสส ลุงพนักงานก็ให้ความร่วมมือดูต้นทางให้ซะงั้น 5555

คืนนี้เรามีนัด dinner กับเจ้าชายอลาดินกันที่ Rambagh Palace จร้าาา ก็บรรยากาศเหมือนในการ์ตูนซะขนาดนั้น ขาดแค่เสือตัวนึงนี่ใช่เลย นี่แพทแนะนำให้มาตอนแสงยังไม่หมดนะ เดินเล่นหน่อย นางเป็นวังเก่า วังจริงๆ มา renovate เป็นโรงแรมหรู และเจ้าของทุกวันนี้ก็ยังเป็น Royal Family นาจา ค่าห้องราคาเท่าๆกับวังที่แพทนอน ตอนแรกนี่ชั่งใจอยู่นานว่าจะนอนนี่หรือนอนที่นั่นดี ถ้ามาคราวหน้าไม่พลาดลองมานอนนี่แน่นอน ห้องอาหารอินเดียที่นี่เป็นมื้ออาหารที่อร่อยที่สุดในทริปของเรา แพทประทับใจแบบมากๆ อร่อยมาก บริการระดับ michelin สามดาวไปเลย ถ้าใครสั่งอาหารอินเดียไม่เป็น ที่นี่มี tasting menu เป็นคอร์ส แต่แพทสั่งแยก เพราะเป็นพวกตะกละสวาปาม ชอบ portion ใหญ่ๆ วันนั้นกินอิ่มกลิ้งกลับโรงแรมเลยทีเดียว

วันต่อมาเรามากินอาหารเช้ากันที่ Fort ที่นี่เป็นอารมณ์ community mall ที่รวมร้านอาหารเกร๋ๆไว้หลายร้าน ด้านล่างเป็นคาเฟ่ เพิ่งเปิดแบบไม่กี่วันตอนแพทไป แต่บอกเลยว่า มาแน่นอนค่ะ ร้านสวยมากถ่ายมุมไหนก็ฮิปๆไปอีก และที่นี่เป็นที่แรกที่ได้กินกาแฟ ที่เป็นกาแฟจริงๆ ไม่ใช่น้ำเปล่าผสมคอฟฟี่เมท ส่วนอาหารเป็น international แพทเลยจัด mexican มากิน อร่อยเลยทีเดียว

คืนสุดท้ายแพทย้ายมานอนที่ Sujan Rajmahal พระราชวังเก่าแก่ที่ขณะนี้รีโนเวทมาเป็นโรงแรมหรูในเมือง Jaipur เมืองสีชมพูแห่งประเทศอินเดีย ทีแรกนี่กะไม่ลงละนะ เพราะดูรูปตัวเองทำหน้าเหมือนสามล้อถูกหวยทุกรูปเลย 555 อายจัง จะไม่ให้ทำหน้าแบบนั้นได้ยังไงในเมื่อห้องที่จองมาราคาแค่ 23,000 เอง อยู่ๆก็ได้อัพเกรดมาเป็นห้องท็อปสุดราคาต่างกันตั้งเกือบ 20 เท่า เล่าแต่แรกละกัน คือในอินเดียเนี่ยหรูกว่าโรงแรม Chain ใหญ่ๆก็จะมีวังที่เหล่า Royal Family เอามารีโนเวทเป็นโรงแรม ในเมืองJaipur ก็มีอยู่หลายอยู่ แต่ที่นี่เพิ่งรีโนเวทใหม่สดๆร้อนๆ ออกมาน่ารักน่าชัง น่าถ่ายภาพเป็นที่สุด ส่วนราคาก็เอาการ ห้องถูกสุด 23,000 (แพทจองห้องนี้) แต่น่ารักตกแต่งไม่เหมือนกันเลยซักห้อง มาถึง Butler ชื่อ Prashant รอต้อนรับเราอยู่หน้าประตูวัง ดูเหมือนว่าจะรู้จักชื่อเราอยู่แล้ว หลังดื่ม welcome drink เสร็จ Prashant ก็พาเดินชมวังและก็เล่าประวัติให้ฟังด้วย จำอะไรไม่ได้เลยยกเว้นเจ้าชายที่เป็นเจ้าของอายุแค่ยี่สิบกว่าเรียนอยู่อังกฤษและยังโสด 55555 ท้ายสุดก็พาชมห้องขนาดสวีทขนาดเท่าบ้าน มีห้องแต่งตัว ห้องอาบน้ำติดแอร์สองตัว ห้องนั่งเล่น ห้องทานข้าว ครัว สระว่ายน้ำ และ Prashant ก็บอกว่าคืนนี้เราสองคนนอนนี่แหละ enjoy your stay แพทนี่ กรี๊ดดดด เหมือนสามล้อถูกหวยเลยค่า ส่วนลุงเอ๊ดหันมาทำตาโต “แพท นี่เค้าอัพให้ฟรีหรือแพทเอาบัตรพี่จองห้องนี้เอาดีดี” 5555 นางหลอนนน ไปอ่านรีวิวโรงแรมนี้ได้ที่นี่ค่ะ คือรูปเยอะมาก ไม่ไหวจะลง

#รีวิว5วัน7วันหมื่นเดียวไม่มีแถวนี้นะคะ #วันนี้จะรีวิวเที่ยวอินเดียยังไงให้หมดเงินล้าน…

โพสต์โดย Forever on vacation เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม 2018

วันต่อมาเรามาเที่ยว amber fort อีกหนึ่ง check in point ที่สำคัญของเมือง Jaipur ค่ะ ที่นี่ออกจะไกลจากเมืองนิดนึงและต้องขึ้นเขา จัดเวลาดีดีนะ แพทจ้างไกด์มาบรรยายเรื่องเล่าให้เราฟังด้วย แนะนำให้จ้าง และจะเที่ยวสนุกขึ้นอีกเยอะ

ตอนเที่ยงเรามาทานข้าวกันร้านนี้ค่ะ 1135 AD อยู่ด้านบนของ Amber Fort เมือง Jaipur ประเทศอินเดีย แน่นอนว่าร้านอาหารในวังแพทนี่ไม่พลาดเลย จริงๆก็เป็นร้านอาหารปกติ อยู่ๆพนักงานในร้านก็มาขอถ่ายรูปด้วย 555 แล้วก็ชวนขึ้นไปดูชั้นบน ทีแรกเอาจริงนะ ไม่กล้าขึ้น แกคิดอะไรกะชั้นนน ห๊าา เลยส่งแฟนขึ้นไปก่อน แฟนกลับลงมาบอกสวยมากแพท ไปดูกัน ขึ้นมาโอ้โห นึกว่าอยู่ในมิวเซียมย่อมๆ แต่คือไม่มีเสา ไม่ล้อมอะไรกั้นเลย และสามารถนั่งได้ นั่งถ่ายรูปได้จริงๆ
ส่วนเรื่องอาหารถือได้ว่าเป็นอาหารอินเดียที่อร่อยอีกมื้อ ใครไม่เคยกินอาหารอินเดียให้ลอง อย่ามาทำกลัวเหม็นถ้าเธอจกปูปลาร้าได้ นี่เด็กๆไปเลย เชื่อแพท

สถานที่เช็คอินต่อไปเรามากันที่ Step well ค่ะ จริงๆมันเป็นแค่บ่อน้ำธรรมดาๆ แต่ฮิปมากก คือดีย์ ถ่ายเอียง ถ่ายตรง ถ่ายเฉียง คือเกร๋จริงๆ มันอยู่ติดๆกับ amber fort เลยค่ะ จัดโปรแกรมไว้ใกล้ๆกันเลย

Bar Palladio อีกหนึ่ง check in point ใน Jaipur ที่ไม่ควรพลาด ควรค่าแก่การระบุลงไปใน itinerary โดยเฉพาะใครทานอาหารอินเดียไม่เป็น อาหารอิตาเลียนที่นี่รสชาติดีมาก อารมณ์คาเฟ่ดีดีในทองหล่อเลย ความจริงร้านเปิด 6 โมงเย็น แต่แพทรีบมาก่อนตั้งแต่ 5 โมงครึ่งนะคะ อยากมาถ่ายรูปตอนมีแสง ถ่ายได้ไม่กี่ภาพ คุณลุงบริกรหน้าดุเดินมาบอกว่าห้ามใช้กล้องถ่ายรูปถ่าย ฮือออ แล้วจะทำร้านมาน่ารักขนาดนี้ทำไมกันน แต่พอนั่งอยู่ซักพักดูแกก็ไม่ได้เคร่งมาก ถ้าถ่ายอยู่ที่โต๊ะตัวเองก็ใช้กล้องได้ค่ะ แค่ห้ามรบกวนลูกค้าท่านอื่นๆเท่านั้นเอง เพราะลูกค้าส่วนมากเป็นฝรั่ง มีคนอินเดียบ้างประปราย แต่ก็ดูเป็นสไตล์เด็กอินเตอร์นะคะ แต่งตัวไม่ใช่ชุดประจำชาติ ส่วนอาหารเครื่องดื่มรสชาติดีมาก ราคาก็ไม่แพง จริงๆที่อินเดียร้านหน้าตาดีดีไม่มีที่ไหนแพงเลย เรากินกันสองคนแบบเบาๆสั่งสามอย่าง เครื่องดื่มสามแก้ว บิลออกมาประมาณพันบาทค่ะ

 

มาสรุปงบกันนะคะ
ค่ารถทั้งหมด 3,577 บาท
ค่าทิปทั้งหมด 567 บาท
ค่าอาหารทั้งหมด 12,840 บาท
ค่าโรงแรมทั้งหมด 28,500 บาท
ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ 3,142 บาท

รวมทั้งหมดสำหรับ 2 คน 48,626 บาท หาร 2
24,313 บาท ต่อคนเองงงงง

ถูกและเริ่ดมากใช่มั้ยหล่ะคะ อ่านจบแล้ว หวังว่าเพื่อนๆจะเลิกกลัวอินเดียแล้วแพ็คกระเป๋าไปเที่ยวอินเดียกันเนาะ

No Comments Yet

Comments are closed